PHUKET นอกฤดู : EP1 “Landing”
“มึงจะบ้ารึไง มาภูเก็ตหน้าฝน”
“กูจะไปถ่ายภาพ Old Town ในวันฝนพรำ”
นั่นเป็นการแถไปแบบสีข้างถลอกของผม อันที่จริงคือจะหาตั๋วเรือบินเที่ยวละไม่กี่ร้อยกับที่พักคืนนึงไม่ถึงพันได้รึถ้าเป็นช่วงหน้าร้อน...
ถือแผนหลักเลยแล้วกัน “เมืองเก่า กลางสายฝน”
ถือแผนหลักเลยแล้วกัน “เมืองเก่า กลางสายฝน”
ส่วนทะเลถ้าโชคดีฟ้าเปิดก็คิดเสียว่าเป็นของแถม
คุณผู้อ่านช่วยนึกภาพตามนะ ซีนที่อยากได้ จะเป็นแนวๆมิวสิควีดีโอสมัยก่อน ยุคที่ผมกำลังจะเป็นวัยรุ่น อย่าบอกนะว่าเกิดไม่ทัน ผมรู้ว่าคุณต้องเคยดู กับภาพบรรยากาศเหงาๆกลางสายฝน พระเอกอกหัก ร้องให้ฟูมฟาย ตากฝน วิ่งไปวิ่งมา ก็ไม่รู้เหมือนกัน ทำไมพออกหักฝนก็ตก พอฝนตกมันก็วิ่งไปตาก
ถ้าเป็นผมผมก็คงตรงดิ่งไปร้านนม กินให้เมาอ้วกกันไปเลยดีกว่า...
เมื่อถึงวันเดินทาง มันก็เหมือนจะเป็นไปตามคาด เม็ดฝนโปรยปรายตั้งแต่ล้อเริ่มหมุน
ออกจากดอนเมืองตีห้ากว่าๆมาถึงสนามบินภูเก็ตก็เจ็ดโมงเช้านิดๆ
เข้าห้องน้ำห้องท่ากันพอสบายตัว จากนั้นก็ถ่ายรูป Check-in สิครับ เอากันจนสบายใจ
สมุนแอ๊ดมิน แม่ฮิปสะเต้อ จัดท่ายากตลอด.... |
ระหว่างนั้นก็โทรหารถเช่าที่เราได้ติดต่อไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
จริงๆแล้วก็ไม่ใช่เราหรอก วานเพื่อนคนที่โทรไปหานั่นแหละ ให้มันช่วยจัดการให้ ฮาฮา..
ได้มาตาม Order ครับ “ถูกและดี”
ราคาสุดแสนจะประทับใจ บริการแบบจริงใจไม่เรื่องมาก ง่ายๆตามสไตล์นักเลงปักษ์ใต้
ใครสนใจอยากใช้บริการ หลังไมค์มาถามได้เลยครับ
(อ้าวชิบ...ลืมถ่ายรูปรถมาให้ดู)
ที่ได้มาเป็น วีออส สภาพดีกลางเก่ากลางใหม่ในสนนราคา 800 บาทต่อวัน
ทั้งนี้พี่เจ้าของบอกว่าคราวหน้าให้โทรมาแต่เนิ่นๆ จะได้จัดรถใหม่ๆไว้ให้
เมื่อได้รถเช่าก็กะจะลุยกันเลย
เลี้ยวขวาออกจากสนามบิน มาได้นิดเดียว พอผ่านสามแยก ขับตรงต่อไปอีกหน่อย...
สายตาทุกคู่ปราดไปที่ป้ายอย่างใหญ่ที่เขียนว่า
“เจ๊ปุ้มติ่มซำ”
จากคำบอกเล่า เรื่องเสี่ยวโบ๋ย (ติ่มซำ) ถ้าเป็นแถวสนามบิน ต้องยกให้ร้านนี้
“แวะกินสักแป๊บได้ปะคับ หิวแล้ว”
“แวะกินสักแป๊บได้ปะคับ หิวแล้ว”
นั่นไง... หมีน้อยมันเริ่มงอแง
ผ่านไปไม่นาน เสี่ยวโบ๋ยหมดไปสองกะละมัง บั๊กกุ๊ดเต๋ อีกคนละถ้วย
พี่หมีกันเหนียวด้วย หมี่ซั่วอีกชาม
พอยัง? ไปต่อได้ยัง?
พอเถอะ ตัวจิแตกแล้ว...
ไม่รู้อะไรดลใจ แทนที่จะไปต่อตามถนนเทพกระษัตรี-ในยาง เส้นทางที่เรามาในตอนแรก
ซึ่งมันจะทำให้เราจะได้เจออีกหลายที่ที่น่าสนใจ ดันอยากไปเริ่มจากหัวเกาะแทน
หันหัวรถกลับ ขับย้อนไปนิด แล้วเลี้ยวขวาไปตามถนน 4026
เลาะไปเลี้ยวมา จนโผล่ที่ ท่าเรืออ่าวปอ ไปต่อจนสุดติ่งจนไม่มีทางจะไป
ชะโงกดูปรากฎว่าตอนนี้มันอยู่แถบตะวันออก ซึ่งเป็นทะเลอ่าวไทย ทะเลเดียวที่บ้านชลบุรีเปี๊ยบ
(สวยกว่านิดหน่อย)
คือกูมาทำอะไรตรงนี้...
อย่างว่าแหละครับถ้าใครติดตามกันมาตั้งแต่ต้น จะรู้ว่าไม่มีครั้งไหนที่ไม่หลง
นี่ก็หลงจนอีกนิดนึงจะตกเกาะอยู่แล้ว ยังไม่รู้ตัว
หาทางเลาะมุ่งหน้าต่อไปเรื่อย ตามสโลแกน
“เราจะไปข้างหน้า จะไม่ย้อนทางเดิม”
ไปได้สักพักเริ่มคิด ภูเก็ตมันควรจะขนาบหรืออย่างน้อยก็เฉียดๆทะเลไม่ใช่รึ
แต่ทำไมรอบตัวมันเป็นป่า ยิ่งรกเข้าไปทุกทีทุกที
สุดท้ายต้องยอม ออกไปตั้งต้นที่อ่าวปอใหม่อีกครั้ง...
ถ้าเป็นงี้ต่อไปเห็นทีวันนี้จะไม่ได้อะไรเป็นแน่แท้ สุดท้ายจึงต้องพึ่ง GPS ตั้งพิกัดแล้วขับตามไปแบบไม่หือไม่อือ... ที่แรกที่คิดว่าไกล้สุดและอยู่ในโพยคือ
ไม่ได้เห็นองค์จริงดังที่วาดภาพไว้
สิ่งที่พบเป็นเพียงพระองค์ใหม่ที่ทำเพื่อครอบองค์จริงเอาไว้
คิดไปว่าถ้าออกแบบให้สามารถเห็นองค์จริงที่อยู่ข้างในได้ คงดีไม่น้อย
ออกจากวัดมา เลี้ยวซ้าย-เลี้ยวขวา เพื่อมุ่งหน้าไปจุดตั้งต้นตามแผนใหม่
ที่เพิ่งปรับกันเมื่อครู่ตอนอยู่ในวัด
ที่ต้องเปลี่ยนแผนเหตุเพราะมันผิดคาด ตั้งแต่มาถึงฟ้ามันใสเด้งมากๆ
เลยเปลี่ยนเป้า เมืองเก่าเอาไว้ก่อนขอเริ่มจากทะเลกันดีกว่า
เผื่อวันพรุ่งนี้แดดจะไม่ดีแบบนี้อีก
กะว่าจะเก็บหาดสักครึ่งวันแล้วกลับไปเช็คอินที่โรงแรมในเมืองราวๆบ่ายสอง
แล้วช่วงเย็นค่อยว่ากันอีกที
แต่... นั่นมันคือสวรรค์ของนักโต้คลื่น เมื่อเป็นเช่นนั้น เปลี่ยนเลนส์สิครับ รออะไร ไปๆ เราไปดูเขาล้อคลื่นกัน
ลั่นShutter รัวๆอย่างเมามันจนลืมเวลา
และแล้วก็มีเสียงเรียกจากมิติอันลึกลับ “เมิงจะนอนนี่ใช่มั้ย..”
แปลได้ว่าผมควรย้ายไปที่ใหม่ได้แล้วละ....
มุ่งหน้าต่อไปตามแผน จนมาถึงหาดกะหลิม
เมื่อเหลือบมองนาฬิการู้ว่าไกล้เที่ยงวัน มันหิวขึ้นมาทันที...
ย้อนกลับมาดูดาวเหลืองที่ว่าไว้ในข้างต้น
มันคือตำแหน่งของร้านอาหารร้านหนึ่งที่เราจอดทานข้าวในตอนเที่ยงวันนั้น
แต่ด้วยทำเลบนเนินเขามองเห็นวิวได้ไกลๆ สวยงามพอตัว เราจึงตกลงที่จะเสี่ยง ลองกินดู
อาหารถูกสั่งมาเพียงอย่างสองอย่าง เพราะยังไม่แน่ใจในรสชาติ กะเอาแค่พอให้หายหิว
รสค่อนไปทางดีทีเดียว
ที่ชอบสุดยกให้ ใบเหรียงต้มกระทิ
สำหรับเรื่องราคา ถ้าเป็นอาหารเที่ยงผมว่าความคุ้มยังน้อยไปนิด
คงจะเหมาะกับทานเล่นนิดหน่อย จิบเครื่องดื่มเบาๆชมวิวยามเย็นเสียมากกว่า
ขับไป-วนไป หาอะไรข้างทางกินกันไป
ในที่สุดก็มาถึงที่พักตามเวลาที่กะไว้
Hostel เล็กๆในใจกลางเมืองเก่า ที่ที่เป็นเป้าหมายหลักในการมาของเรา
ราคา ค่าห้องพักราวๆ คืนละ 800 บาทถ้าผมจำไม่ผิด
(คือสมุนแอ๊ดมินมันจัดการให้ ผมเลยไม่ค่อยรู้หรอกเรื่องราคา)
กับการตกแต่งแบบเก๋ๆ ทำเลไกล้ที่กินที่เที่ยว ผมว่าราคาสมเหตุสมผลครับ
ความปลอดภัย ในตอนค่ำประตูหน้าเป็นบานเฟี๊ยมจะถูกปิด การเข้าออก ต้องใช้ Key-card ก็ถือว่าดีนะ
ที่จอดรถ หายากสักนิด อาจต้องจอดไกลและเดินเอา
ก็คิดจะมาเดินกันอยู่แล้ว นี่มันเลยไม่ใช่ปัญหา
อาหารเช้า แม้ไม่มีอาหารเช้า แต่เขามี นม น้ำผลไม้ Snack ให้ทาน มันก็โอเคนะ
การมาในดงของกินอร่อยๆอย่างเมืองภูเก็ต มันน่าเสียดายนะถ้าคุณมัวกินแต่อาหารของโรงแรม
(บอกเลยโปรแกรมการกินของเรา ผ่านไปสามวันยังกินกันไม่ครบเลยครับ)
Check-in เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนตามอัธยาศัย ห้องใครห้องมัน
นัดกันไว้เจอกัน ห้าโมงเย็น
ด้วยเหตุที่ฮูกศรีกับหมีน้อยในวันก่อนเดินทาง เธอต้องสะสางงานกันจนเกือบเที่ยงคืน แล้วต้องตื่นตีสองเพื่อเดินทางมาขึ้นเครื่อง พอเช็คอินที่โรงแรมได้ หลับกันเป็นตายสิครับ
เดิมทีตั้งใจว่าจะเล่ารวดเดียวจบ แต่ดูๆไปมันยาวเกิน กลัวเบื่อกันเสียก่อน ขอตัดเป็นตอนๆก็แล้วกันนะ ขอตัวไปนอนแป๊บ เดี๋ยวตื่นมาจะพาไป “แหลมพรหมเทพ” ที่ที่ใครๆเขาก็ไปกัน
และต่อด้วยอีกหลายๆที่ ทั้งควรไปไม่ควรไป ในตอนต่อๆไปนะ
อย่าเพิ่งหนีไปไหน
ขอพักเดี๋ยวนึงนะ แล้วจะรีบกลับมา
.............................................................................
https://www.facebook.com/notes/painaithailand/phuket-นอกฤดู-ep1-landing/860560614050519
ผ่านไปไม่นาน เสี่ยวโบ๋ยหมดไปสองกะละมัง บั๊กกุ๊ดเต๋ อีกคนละถ้วย
พี่หมีกันเหนียวด้วย หมี่ซั่วอีกชาม
พอยัง? ไปต่อได้ยัง?
พอเถอะ ตัวจิแตกแล้ว...
ไม่รู้อะไรดลใจ แทนที่จะไปต่อตามถนนเทพกระษัตรี-ในยาง เส้นทางที่เรามาในตอนแรก
ซึ่งมันจะทำให้เราจะได้เจออีกหลายที่ที่น่าสนใจ ดันอยากไปเริ่มจากหัวเกาะแทน
หันหัวรถกลับ ขับย้อนไปนิด แล้วเลี้ยวขวาไปตามถนน 4026
เลาะไปเลี้ยวมา จนโผล่ที่ ท่าเรืออ่าวปอ ไปต่อจนสุดติ่งจนไม่มีทางจะไป
ชะโงกดูปรากฎว่าตอนนี้มันอยู่แถบตะวันออก ซึ่งเป็นทะเลอ่าวไทย ทะเลเดียวที่บ้านชลบุรีเปี๊ยบ
(สวยกว่านิดหน่อย)
คือกูมาทำอะไรตรงนี้...
อย่างว่าแหละครับถ้าใครติดตามกันมาตั้งแต่ต้น จะรู้ว่าไม่มีครั้งไหนที่ไม่หลง
นี่ก็หลงจนอีกนิดนึงจะตกเกาะอยู่แล้ว ยังไม่รู้ตัว
ยัง ยังไม่สำนึก ยังจะลงเซลฟี่อีก... |
หาทางเลาะมุ่งหน้าต่อไปเรื่อย ตามสโลแกน
“เราจะไปข้างหน้า จะไม่ย้อนทางเดิม”
ไปได้สักพักเริ่มคิด ภูเก็ตมันควรจะขนาบหรืออย่างน้อยก็เฉียดๆทะเลไม่ใช่รึ
แต่ทำไมรอบตัวมันเป็นป่า ยิ่งรกเข้าไปทุกทีทุกที
สุดท้ายต้องยอม ออกไปตั้งต้นที่อ่าวปอใหม่อีกครั้ง...
ตรงดาวนั่นหละ คือที่กลับรถ ขอบอกทางเข้าไปชันมากๆ แคบๆ รกๆ |
ถ้าเป็นงี้ต่อไปเห็นทีวันนี้จะไม่ได้อะไรเป็นแน่แท้ สุดท้ายจึงต้องพึ่ง GPS ตั้งพิกัดแล้วขับตามไปแบบไม่หือไม่อือ... ที่แรกที่คิดว่าไกล้สุดและอยู่ในโพยคือ
วัดพระทอง
ผบ. อยากไปเพราะได้ข่าวว่ามีพระผุด ข้อมูลที่ได้เห็นตามสื่อออนไลน์ดูน่าสนใจไม่ได้เห็นองค์จริงดังที่วาดภาพไว้
สิ่งที่พบเป็นเพียงพระองค์ใหม่ที่ทำเพื่อครอบองค์จริงเอาไว้
คิดไปว่าถ้าออกแบบให้สามารถเห็นองค์จริงที่อยู่ข้างในได้ คงดีไม่น้อย
เอาเข้าไป ซนแท้ วัดนะ ใช่ที่เล่นเหรอ อิพี่หมี.... |
ออกจากวัดมา เลี้ยวซ้าย-เลี้ยวขวา เพื่อมุ่งหน้าไปจุดตั้งต้นตามแผนใหม่
ที่เพิ่งปรับกันเมื่อครู่ตอนอยู่ในวัด
แผนคร่าวๆ ตามนี้เลย ส่วนที่ติดดาวไว้เดี๋ยวจะกลับมาเล่าให้ฟังทีหลังนะ |
ที่ต้องเปลี่ยนแผนเหตุเพราะมันผิดคาด ตั้งแต่มาถึงฟ้ามันใสเด้งมากๆ
เลยเปลี่ยนเป้า เมืองเก่าเอาไว้ก่อนขอเริ่มจากทะเลกันดีกว่า
เผื่อวันพรุ่งนี้แดดจะไม่ดีแบบนี้อีก
กะว่าจะเก็บหาดสักครึ่งวันแล้วกลับไปเช็คอินที่โรงแรมในเมืองราวๆบ่ายสอง
แล้วช่วงเย็นค่อยว่ากันอีกที
หาดสุรินทร์
จากคำบอกเล่าของคนภูเก็ต เวลานอกช่วง High season คลื่นลมจะแรง หาดทรายขาวๆเนียนๆจะหายไป หาดทรายจะกลายเป็นแอ่งลึก และการลงเล่นน้ำจะอันตรายมาก หลายๆหาดจึงมีป้ายปักเตือนห้ามลงเล่น ที่หาดสุรินทร์ก็เช่นกันแต่... นั่นมันคือสวรรค์ของนักโต้คลื่น เมื่อเป็นเช่นนั้น เปลี่ยนเลนส์สิครับ รออะไร ไปๆ เราไปดูเขาล้อคลื่นกัน
ลั่นShutter รัวๆอย่างเมามันจนลืมเวลา
และแล้วก็มีเสียงเรียกจากมิติอันลึกลับ “เมิงจะนอนนี่ใช่มั้ย..”
แปลได้ว่าผมควรย้ายไปที่ใหม่ได้แล้วละ....
มุ่งหน้าต่อไปตามแผน จนมาถึงหาดกะหลิม
เมื่อเหลือบมองนาฬิการู้ว่าไกล้เที่ยงวัน มันหิวขึ้นมาทันที...
ย้อนกลับมาดูดาวเหลืองที่ว่าไว้ในข้างต้น
มันคือตำแหน่งของร้านอาหารร้านหนึ่งที่เราจอดทานข้าวในตอนเที่ยงวันนั้น
“Paradise View Point Restaurant & Bar”
อันที่จริงร้านเขาจะเป็นบาร์ที่เน้นขายตอนเย็นหรือกลางคืนเสียมากกว่า เดาเอานะแต่ด้วยทำเลบนเนินเขามองเห็นวิวได้ไกลๆ สวยงามพอตัว เราจึงตกลงที่จะเสี่ยง ลองกินดู
อาหารถูกสั่งมาเพียงอย่างสองอย่าง เพราะยังไม่แน่ใจในรสชาติ กะเอาแค่พอให้หายหิว
รสค่อนไปทางดีทีเดียว
ที่ชอบสุดยกให้ ใบเหรียงต้มกระทิ
สำหรับเรื่องราคา ถ้าเป็นอาหารเที่ยงผมว่าความคุ้มยังน้อยไปนิด
คงจะเหมาะกับทานเล่นนิดหน่อย จิบเครื่องดื่มเบาๆชมวิวยามเย็นเสียมากกว่า
ขับไป-วนไป หาอะไรข้างทางกินกันไป
ในที่สุดก็มาถึงที่พักตามเวลาที่กะไว้
FULLFIL HOSTEL
Hostel เล็กๆในใจกลางเมืองเก่า ที่ที่เป็นเป้าหมายหลักในการมาของเรา
ราคา ค่าห้องพักราวๆ คืนละ 800 บาทถ้าผมจำไม่ผิด
(คือสมุนแอ๊ดมินมันจัดการให้ ผมเลยไม่ค่อยรู้หรอกเรื่องราคา)
กับการตกแต่งแบบเก๋ๆ ทำเลไกล้ที่กินที่เที่ยว ผมว่าราคาสมเหตุสมผลครับ
ความปลอดภัย ในตอนค่ำประตูหน้าเป็นบานเฟี๊ยมจะถูกปิด การเข้าออก ต้องใช้ Key-card ก็ถือว่าดีนะ
ที่จอดรถ หายากสักนิด อาจต้องจอดไกลและเดินเอา
ก็คิดจะมาเดินกันอยู่แล้ว นี่มันเลยไม่ใช่ปัญหา
อาหารเช้า แม้ไม่มีอาหารเช้า แต่เขามี นม น้ำผลไม้ Snack ให้ทาน มันก็โอเคนะ
การมาในดงของกินอร่อยๆอย่างเมืองภูเก็ต มันน่าเสียดายนะถ้าคุณมัวกินแต่อาหารของโรงแรม
(บอกเลยโปรแกรมการกินของเรา ผ่านไปสามวันยังกินกันไม่ครบเลยครับ)
ขนมที่เห็นนั่น สร้างภาพครับ เอามาเอง โรงแรมไม่ได้เสิร์ฟ... |
Check-in เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนตามอัธยาศัย ห้องใครห้องมัน
นัดกันไว้เจอกัน ห้าโมงเย็น
ด้วยเหตุที่ฮูกศรีกับหมีน้อยในวันก่อนเดินทาง เธอต้องสะสางงานกันจนเกือบเที่ยงคืน แล้วต้องตื่นตีสองเพื่อเดินทางมาขึ้นเครื่อง พอเช็คอินที่โรงแรมได้ หลับกันเป็นตายสิครับ
เดิมทีตั้งใจว่าจะเล่ารวดเดียวจบ แต่ดูๆไปมันยาวเกิน กลัวเบื่อกันเสียก่อน ขอตัดเป็นตอนๆก็แล้วกันนะ ขอตัวไปนอนแป๊บ เดี๋ยวตื่นมาจะพาไป “แหลมพรหมเทพ” ที่ที่ใครๆเขาก็ไปกัน
และต่อด้วยอีกหลายๆที่ ทั้งควรไปไม่ควรไป ในตอนต่อๆไปนะ
อย่าเพิ่งหนีไปไหน
ขอพักเดี๋ยวนึงนะ แล้วจะรีบกลับมา
.............................................................................
https://www.facebook.com/notes/painaithailand/phuket-นอกฤดู-ep1-landing/860560614050519
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น