PHUKET นอกฤดู : EP3 “Moving Day”

ลุกจากเตียงได้ก็คว้ากล้องแล้วเดินลงมาชั้นล่างในทันที
ตรงไปที่จักรยานของโรงแรมFulfill ซึ่งถีบฟรีไม่มีชาร์ต
เดี๋ยวเราจะไปปั่นรอบเมืองกัน

จากข้อมูลที่เพื่อนบอกเมื่อคืน สำหรับการเดินชมเมืองเก่าสถาปัตยกรรมชิโนฯสวยๆของภูเก็ต
จะมีถนนที่น่าสนใจอยู่3ถนนหลักๆด้วยกัน นั่นคือ
ถนนถลาง ถนนพังงา และ ถนนดีบุก ตามที่แคปเจอร์แผนที่มาด้านล่างนั้นแหละครับ



ถ้าดูตามแผนที่ โรงแรม Fulfill ที่เราพักจะอยู่ที่ถนนรัษฎา
ซึ่งถัดจากถนนพังงาลงมาด้านล่าง

วันนี้เราจะไปออกตามหา “น้องมาร์ดี” กัน แต่ก่อนจะออกไป ผมขอเล่าเป็นการปูพื้นสักนิดก่อนนะ

เรารู้ว่ามันสายไปสำหรับการเก็บภาพ “น้องมาร์ดี” ในธีมเด็กแรกเกิดครบ1เดือน
ที่วาดโดยศิลปินกราฟิตี “Alex Face” หนึ่งในสิบสองภาพของโครงการ
F.A.T. Phuket (Food Art Town) 12 ผนัง 12 ภาพ 12 วิถีชาวภูเก็ต ของกลุ่ม SO Phuket
กลุ่มที่ต้องการผลักดันให้เมืองภูเก็ตเป็นเมืองแห่งศิลปะ

เมื่อไม่นานมานี้ ด้วยเหตุผลบางอย่าง Alex Face ได้ลบรูปดังกล่าวออกไป
อย่างไรก็ตาม พวกเรายังคงอยากตามหาภาพที่เหลือเพื่อบันทึกไว้
เผื่อวันหน้าโดนลบไปอีกจะได้ไม่เสียดาย
“น้องมาร์ดี” ในธีมเด็กแรกเกิดครบ1เดือน เคยอยู่ที่ตึกๆนี้ "The Chartered Bank"

บทความด้านล่างคัดลอกจาก
http://paiphuket.com/2016/04/20/food-art-phuket-old-town/

12วิถีชาวภูเก็ตที่ผูกพันกับอาหารในโอกาสต่างๆ มีอะไรบ้างนะ

1. วิวาห์บาบ๋า งานมงคลที่มีอาหารคาวหวานหลากหลายแทนคำอวยพ
2. อาหารเช้าภูเก็ต เบ้าหลอมทางวัฒนธรรมผ่านรสชาติของอาหารจากเสี่ยวโบ๋ยแบบจีน จนถึงขนมจีนแบบไทย และโรตีแกงแบบมุสลิม ที่ทุกคนต้องตื่นเช้ามาชิม
3. กาแฟยามบ่ายกับวัฒนธรรม “กินโกปี้” ที่สื่อถึงความสัมพันธ์อันเหนียวแน่นของเพื่อนฝูงผ่านขนมคาวหวาน และชากาแฟถ้วยโปรด
4. การคลอดลูก กับการมอบเอี๋ยวปึ่ง ไข่ต้มย้อมสีแดง และขนมอังกู๊สีแดงสด ใส่เซี่ยนหนา เดินแจกจ่ายตามบ้านแสดงความขอบคุณญาติพี่น้องในวาระต้อนรับสมาชิกใหม่ในบ้าน
5. ขนมเด็กวัยเรียน สะท้อนความสนุกสนาน และสีสันกับความทรงจำในวัยซุกซน
6. พ้อต่อ ขนมเต่าสีแดง เครื่องหมายแห่งการมีอายุยืน และสัญลักษณ์สำคัญของเทศกาล
7. ตรุษจีน การก้าวย่างสู่ปีใหม่ ร่วมเฉลิมฉลอง และพบปะญาติพี่น้อง แจกอั่งเปาลูกหลาน นับเป็นเทศกาลที่เรียงร้อยอาหารกับวิถีชีวิตที่ชัดเจนมากที่สุด
8. กินผัก งานบุญที่โด่งดังไปทั่วโลก กับอาหารบริสุทธิ์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น และดีต่อสุขภาพ
9. ไหว้เทวดา ด้วยผลไม้ และขนมหวาน บนความตระการตาของสีสันกับการคารวะรู้คุณเทวดาที่อำนวยพรให้ก้าวเข้ามาสู่ปีใหม่ที่สดใส
10. รถเข็น แผงลอย อาหารอร่อยหลายเมนู สะท้อนความเป็นอยู่ในวิถีชีวิตประจำวันที่เรียบง่ายและอร่อยล้ำ
11. ครัวในบ้าน รสชาติจากมือแม่ที่คุ้นลิ้น กับสูตรเฉพาะบ้านที่อร่อยมาแต่เกิด
12. ปิกนิกริมเล และงานเดินเต่า อาหารวันหยุดของคนภูเก็ตกับการพักผ่อนในอดีตที่ทำอาหารมาอร่อยริมทะเลกันพร้อมหน้าพร้อมตา

......................................

ตัดมาแปะไว้อ่านพอเป็นแนวทาง เผื่อจะเพิ่มความเข้าใจในเจอรูปเหล่านั้น
ถ้าหามันเจอนะ...

เอาจริงๆ แต่ละรูปเป็นอยู่ที่ไหน อะไร ยังไง ผมก็ไม่รู้หรอก
ข้อมูลเท่าที่มีก็ลายแทงใบนึง ที่ ผบ. โหลดมาจากในอินเตอร์เน็ต

ถ้าจำกันได้ในตอนก่อนหน้านี้ ผมเจอสองรูปตอนที่ไปทานมื้อเย็นเมื่อวาน
มันอยู่ไกล้ๆร้านตู้กับข้าว ผมเดาว่าสองรูปนั้นน่าจะเป็นหนึ่งใน12ภาพนั้น





และนี่ก็เป็นอีกภาพที่แอบเก็บไว้ตั้งแต่คืนนั้น



แต่นั่นมันก็ยังไม่ใช่น้องมาร์ดีที่พูดถึง
ไปกันครับ ออกไปปั่นจักรยานตามหากับผมกันดีกว่า

ที่หน้าปากซอยรมณีย์ เราเจอสิ่งนี้ สองภาพควบเลยครับ
หนึ่งในนั้นคือ น้องมาร์ดี เด็กสามตา version เต่า :)

มาร์ดี (Madi) คือชื่อของลูกสาวของคุณพัชรพล แตงรื่น หรือ Alex Face
เป็นที่มาของ Character เด็กน้อยสามตาหน้าบูดคนนี้
เดาว่าเป็นภาพที่ห้ากับภาพที่หก

ถ้าอยากได้ภาพคู่กับกับ Street art สวยๆ แบบโล่งๆ ไร้สิ่งรบกวน
แนะนำว่าให้ตื่นเช้าสักนิด รีบมาเดิน ก่อนผู้คนและรถราจะหลั่งไหลกันมา







ถีบไปถ่ายไป จนกระทั่งโทรศัพท์มันเร้าอยู่ในกระเป๋ากางเกง
รับรู้และสัมผัสได้โดยไม่ต้องพึ่งคุณริว ว่าฮูกศรีกับหมีน้อยคงจะตื่นกันแล้ว

ในตอนนั้นผมอยู่ที่

Hai Leng Ong Statue (Golden Dragon Monument)



การโทรมาของสองคนนี้ “ดังเตือนว่า ได้เวลากิน”
และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
“พี่ๆ ผมหาเจอแล้ว ร้านเสี่ยวโบ๋ยในตำนานที่พี่พูดถึง ตามโลฯ ผมมาเลย”
เสียงพี่หมีโหวกเหวก ด้วยความตื่นเต้น ผ่านมาทางโทรศัพท์

มันช่างเป็นทีมเวิร์คที่น่าสะพรึงจริงๆ
คนหนึ่งตระเวนเก็บภาพบรรยากาศ ส่วนอีกคนคอยเสาะหาร้านอร่อยร้านดีร้านดัง
มาเสิร์ฟให้คุณผู้อ่านได้ชิมได้ชมกัน

คงต้องพักการไล่ล่า กราฟิตี ไว้แค่นี้ก่อน ผมจะพาไปร้านที่พี่หมีพูดถึงกันก่อน

ร้านบุญรัตน์

ติ่มซำร้านนี้มีมากว่าร้อยปี สืบทอดต่อกันมาสองสามรุ่นแล้ว
ถึงวันนี้มีทั้งหมดสามสาขา เราจะไปกินที่สาขาแรก
ถ้าอยากรู้ว่าอยู่ตรงไหน ดูได้ในแผนที่ด้านบนครับ

บางคนว่า เมื่อมากินติ่มซำร้านนี้แล้ว จะไม่อยากไปกินที่อื่นอีกเลย
ไปครับ เราไปพิสูจน์กัน


Left
Centre
Right
Remove

click to add a caption





อันนี้บอกเลย อย่างเด็ด!!





สาขานี้เป็นห้องแถวเล็กๆ บรรยากาศร้าน อบอุ่นมากๆ
ก็ทั้งเตา ตุ๋นต้มนึ่ง มันอยู่ในนั้นทั้งหมดนี่นา...

ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ การได้กินของอร่อยในครั้งนี้ก็เช่นกัน
ก็ต้องแลกมาด้วยเหงื่อ หลายหยดทีเดียว

อร่อยสมคำร่ำลือครับ จัดกันหนักพอสมควรทีเดียว
ณ เพลานี้ ตัวของแต่ละคนเหมือนงูเหลือมที่เพิ่งเขมือบเหยื่อเข้าไป
มิอาจโยกย้ายไปทางไหนได้อย่างสะดวกนัก
ขอพักให้หายจุกก่อนนะ ค่อยไปกันต่อ

เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ระหว่างนี้ ขอเล่าย้อนไปตอนเช้าสักหน่อย
ในเส้นทางที่ปั่นเล่นไปเรื่อยเปื่อย มีสองจุดน่าสนใจ

หนึ่งในนั้นคือ Phuket Trickeye Museum 
ตอนไปถึงมันเช้าเกินไปเขายังไม่เปิดเลยไม่ได้เข้าไปเล่น



ดูออกไหมครับ ชิ้นไหนจริง ชิ้นไหนวาด

และอีกที่หนึ่งคือ “บ้านพระพิทักษ์ชินประชา”
บ้านหลังนี้อายุนับร้อยปี เป็นอาคาร ชิโน - โปรตุกีส หลังแรกในภูเก็ต

เนื่องจากในสมัยนั้นเจ้าของมีธุรกิจอยู่ที่ปีนัง ข้าวของเครื่องใช้ส่วนใหญ่จึงมาจากต่างประเทศ
คงจะขนมาทางเรือเวลากลับจากการไปทำมาค้าขาย

ข้อเสียของการตื่นเช้า เมื่อมาถึง มันยังไม่เปิดให้เข้าชมภายในอีกนั่นแหละ
อด อีกแล้ว...



เอาละ เมื่ออิ่มคลาย เราไปกันต่อดีกว่า ดูกันไปยาวๆเลยครับ



ไหนๆ ก็เดินผ่าน ขอจัดอีกสักใบ ลุงกับป้า ที่เราเจอกันครั้งหนึ่งแล้ว เมื่อคืน









บางรูปอลังการงานสร้างมาก การเก็บให้อยู่ในเฟรมเดียวต้องอาศัยเลนส์มุมกว้าง
หรือไม่ก็ Panorama เถื่อนๆ อย่างรูปด้านบนที่ผมทำ



ทั้งยาว ทั้งซอยแคบ แถมรถจอดบังอีก.. เหนื่อยเบยรูปนี้









แนะอีกนิด การเดินชมกราฟิตีในภูเก็ต ผมว่าจะเหมาะกว่าขี่จักรยานนะ
เพราะ ต้องจอดบ่อยเกิน...
และอีกอย่าง บางภาพอยู่ในตรอกซอกซอย หากไม่สังเกตดีๆ อาจอดดูได้ 



เวลาก็ผ่านไปจนไกล้จะเที่ยงแล้ว เรายังไม่เจอ เด็กน้อยสามตา อีกรูปหนึ่งเลย
รูปนั้นมันเป็น Highlight เสียด้ว
(คือ ผบ. ชอบนะครับ ถ้าหาไม่เจอวันนี้ มีได้บินกลับมาอีกรอบแน่ๆ)



เดินเข้าไป โดยไม่ได้สนใจงานเขาเล๊ย เพราะเวสป้าล้วนๆ...

หลบมานั่งตากแอร์ แพร๊บ... " The Circle Coffee Boutique"

แดดก็เริ่มร้อน แรงก็เริ่มตก เราเลยตัดสินใจ คงจะต้องใช้รถยนต์ วนหากันดีกว่า

ขับวนได้สักรอบสองรอบ มันก็ยังไม่เจอ เปลี่ยนเป้าไปทานข้าวเที่ยงกันก่อนดีกว่า

ผมถามเพื่อนว่า ถ้าอยากทานอาหาร พื้นเมืองของชาวภูเก็ต ควรไปที่ไหนดี
เขาจึงแนะนำที่นี่มา

ร้านพื้นเมืองล๊กเกียน



ตั้งอยู่ที่หัวมุมถนนดีบุกตัดกับถนนเยาวราช ลักษณะเหมือนศูนย์อาหารที่มีหลายร้านย่อยมารวมกัน
การสั่ง จะสั่งที่โต๊ะ หรือเดินไปสั่งที่ร้านก็ได้ แต่จ่ายก่อนกินนะครับ
ของมาตังค์ไป หลังจากนั้น ซัดได้ตามสะดวก กินเสร็จก็เผ่นได้เลยไม่ต้องรอเช็คบิล









หลังจากทานเสร็จระหว่างทางเดินกลับไปที่รถ เหลือบเห็นร้านทำขนมพื้นเมือง
ดูน่าทานมาก อยากลอง แต่พอเข้าไปถาม ปรากฏว่าต้องรอประมาณครึ่งชั่วโมง
ลังเลอยู่พักหนึ่ง แล้วตัดใจเดินจากมา ไว้ลองคราวหน้าก็ได้เนาะ........



ขับวนไปก็หลายรอบก็ยังไม่เจอเสียที ชักเบื่อแล้วสิ

แล้วMissionใหม่ก็เกิด
“เราหาบิงชูกินแก้เครียดกันดีกว่า”
นั่นไง... แล้วมันก็ไม่พ้นเรื่องกิน

Quiplicious Food Bar

แวะเข้าไปเพราะเข้าใจผิด คิดว่าเขาขายบิงชู...









ร้านโปร่ง โล่ง สบาย ตกแต่งด้วยงานไม้อย่างผมที่ชอบ









เมนูก็ดูน่าสนใจมาก แต่มันไม่มีสิ่งที่เราตามหา จึงสั่งกาแฟแก้เขิล หนึ่งแก้ว ซดหมด แล้วก็เผ่น



กุว่าและ... เมิงมาตากแอร์ พอหายร้อนเมิงก็ไป ไม่สั่งไรกุเลย นิสัย!!!
..............................

ในที่สุด.. เจอแล้วครับ น้องมาร์ดีเข็นรถ ซุกอยู่ในหลืบกลางตลาด หายากจริงๆ


เอาให้ชัดๆเลยครับ มันอยู่ตรงนี้
กว่าจะหาเจอ ปาเข้าไปเกือบบ่ายสาม จนเราต้องตัดโปรแกรมการกินออกไปหลายรายการ แต่...
บิงชูยังไม่ได้ถูกตัดออกไปจาก List นะ

หลังจาก Selfie กะน้องมาร์ดีจนหนำ ฮูกศรีก็เริ่ม Search หาโลฯร้านในทันที
แล้วก็ได้พิกัดมาเรียบร้อย

ยังจำร้าน Quiplicious Food Bar ที่พูดไปก่อนหน้านี้ได้ใช่ไหมครับ
ไม่กินของเขา แล้วเรายังด้านหน้าถามหาร้านบิงชูจากเจ้าของร้านอีกนะ
เจ้าของก็ใจดี๊ดี แนะนำร้านเด็ดมาร้านสองร้าน

ที่เราเลือกคือร้านนี้ Carambola Cafe







บิงชูมะม่วง คือเมนูที่สาวๆเลือก



ปกติผมจะไม่กินอะไรที่ใส่นม เพราะไม่ชอบกลิ่นของมัน กลั้นใจลองชิมไปหนึ่งคำ



“อร่อยแฮะ” ไม่มีกลิ่นนมที่ผมไม่ชอบหลงเหลืออยู่ รสหวาน ทานง่ายครับ
สั่งชามากานึงครับ เห็นหน้าร้านติดป้ายเสียใหญ่โต ชาผู่เออร์



ด้วยความที่ไม่ใช่คนอังกฤษ ที่กินชาเป็นชีวิตประจำวัน ทำไม่เป็นสิ
คือดูจากอุปกรณ์แล้ว เสียของแน่ถ้าทำเอง

ตะโกนถามไปอย่างไม่อาย “น้องครับ แล้วพี่จะกินมันยังไง”
น้องคงยิ้มในใจ (กูว่าแล้วหน้าอย่างเมิงกินไม่เป็นหรอก)
แล้วเธอก็บอกวิธีชงอย่างสุภาพ แล้วเดินจากไป





เบื่อกันแล้วยังครับ พักสักหน่อยไหม เดี๋ยวกลับมา พวกเราจะพาไปวัด
แล้วต่อด้วย ชมวิวกันชิลๆยามเย็น รอติดตามนะ

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม