NAKORNPATHOM : Sampran Riverside

ถ้าพูดถึง "สามพราน ริเวอร์ไซด์" สำหรับคนที่วัยเดียวกันกับผม
วัยที่เลยผ่านความเป็นเด็กมาเป็นเวลานาน อาจไม่คุ้นชิน
แต่ถ้าบอกว่า สวนสามพราน หรือเก่ากว่านั้นก็ Rose Garden
หลายคนต้องร้องอ๋อ...
ทั้งสามชื่อ มันคือที่เดียวกัน

ผมเองก็เรียกได้ว่าลืมที่แห่งนี้ไปเสียเกือบสนิท
จำได้แค่ว่าเมื่อตอนเป็นเด็กครอบครัวเคยพามาที่นี่

จนมาวันหนึ่ง ผบ.ได้ไปประชุมที่นั่น
ผมก็อารมณ์อยากขี่มอร์ฯไซค์เล่น จึงแว๊นตามไปรับเธอ
พอดีมันเป็นวันศุกร์ ถือโอกาสพักที่นั่นเสียเลย

มันมากกว่าคำว่าที่พัก


















แม้จะผ่านมากว่าห้าสิบปี แต่สามารถดูแลรักษาสภาพของโรงแรมไว้ได้ขนาดนี้ ผมว่าใช้ได้เลย

ติงนิดเดียว สระว่ายน้ำปิดเร็วไปหน่อย เขาปิดสระตอนหนึ่งทุ่ม
กว่าจะถ่ายรูปเสร็จก็เลยเวลาแล้ว ไม่เป็นไรค่อยเล่นตอนเช้าก็แล้วกัน

ห้องทานอาหารเช้าดันอยู่ข้างสระนั่นพอดี แล้วมันก็ไม่มีบังตา
ทำให้คิดหนักอีกแล้วว่าจะเล่นดีหรือไม่เล่นดี
ก็เกรงว่าแขกที่กำลังทานอาหารจะไม่สามารถทานต่อได้อย่างสะดวกใจนัก
ถ้าเห็นพยูนอย่างเราลงไปแหวกว่ายอยู่ข้างๆ เลยตัดใจ
ไม่เล่นดีกว่า... 

ช่างมันเถอะครับ นั่นเป็นเรื่องเล็กๆ พอที่จะมองข้ามได้
เพราะที่นี่มีสิ่งดีๆอีกเยอะ เราไปดูกันดีกว่า
มองสระจากบนห้อง ทำตาปริบๆเพราะลงเล่นไม่ได้...

ไหนๆก็พูดเรื่องอาหารเช้า เราก็มาดูเสียหน่อยว่าเป็นอย่างไรบ้างนะ











เมนูอาหารมีมากพอควร ทั้งไทย-เทศ และเมนูพิเศษ ทำกันสดๆ
ที่ถ่ายรูปมาเฉพาะที่น่าสนใจ ของพื้นๆไม่ได้ถ่ายมาให้ดูนะ

หน้าตาเข้าที รสชาติก็ดีพอได้
ที่สำคัญผักปลอดสารพิษที่นำมาใช้
ได้จากสวนของทางสามพราน ริเวอร์ไซด์ที่ทำการเพาะปลูกกันเอง



ขอย้อนกลับไปนิดนึง
ก่อนที่จะลงไปทานข้าว พอตื่นเช้ามาเราไปเดินเล่นกันมานิดหน่อย

เป็นที่รู้กันว่าที่นี่โด่งดังมาจากการเป็นสวนกุหลาบ
ที่เจ้าของเริ่มจากปลูกเป็นงานอดิเรกภายในที่พักตากอากาศของครอบครัว
แล้วเติบโตเป็นธุรกิจในภายหลัง
นั่นคือที่มาของชื่อที่ฝรั่งพากันเรียกที่นี่ว่า Rose Garden นั่นเอง

ภูมิปัญญาที่สืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่น ทำให้สวนพฤกษศาสตร์ของที่นี่จึงยังคงโดดเด่นสวยงาม
ภายใต้ชื่อที่เรียกกันว่า

สวนแห่งสามพราน

สวนจะถูกแบ่งเป็นโซน ตามชนิดของพรรณไม้เพื่อคงความสมดุลย์ของระบบนิวเวศน์
มีทั้งไม้หายาก หรือไม้อายุนับร้อยปี ไว้ให้เดินชมกันอย่างหนำใจ

จากคำแนะนำของบริกร ว่าพื้นที่โดยรอบ ถ้าคุณเดินก็จะได้ระยะทางประมาณ3กิโลเมตร
เราจึงตัดสินใจออกกำลังด้วยการเดินเล่นแทนการว่ายน้ำ ที่แห้วรับประทานไปเป็นที่เรียบร้อย

























นอกจากสวนสวย กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาแล้ว
สิ่งที่ร้อยเรียงอยู่บนที่แห่งนี้ยังมีเรื่องราววัฒนธรรม
ผสมผสานวิถีความเป็นไทยเข้าไปได้อย่างลงตัว





























สิ่งที่ไม่พูดไม่ได้อีกอย่างหนึ่งคือ

ตลาดสุขใจ

เป็นตลาดเล็กๆด้านหน้าโรงแรม ที่มีทุกเสาร์และอาทิตย์
ปลูกเอง ทำเอง ขายเอง ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง
ของถูกและดี หาได้ที่นี่





















พาชมรอบนอกกันไปแล้ว ทีนี้กลับมาดูเรื่องร้านรวงในโซนโรงแรมกันหน่อยดีกว่า
ที่ผมได้ไปลองมีสามที่ สองห้องอาหาร หนึ่งร้านกาแฟ

ห้องอาหาร อิน-จัน









อิน-จัน เป็นห้องอาหารดั้งเดิมของที่นี่ มีมาตั้งแต่ผมยังไม่เกิด
บรรยากาศนี่ผมเทคะแนนให้หมดเลย กับการนั่งทานข้าวแกล้มวิวริมน้ำท่าจีนของที่นี่

อาหาร ปรุงแบบชาววังแต่ดั้งเดิม (เขาว่างั้น)
รสชาติก็โอเคนะ ติดหวานเหมือนอาหารภาคกลางทั่วๆไป
ยังไม่กระชากลิ้นหนุ่มใต้อย่างผมเท่าไหร่นักแต่ถือว่าผ่าน
มารู้ทีหลังว่า ผัดไทที่นี่เขาเด็ด พลาดอย่างแรงไม่ได้ลอง
ราคา... ผมว่าสูงนิด ตามประสาโรงแรมชั้นดีทั่วไป
แต่ก็ไม่ถึงกับรับไม่ได้ ก็ลองดูครับ

อิน-จัน เขาเปิดบริการช่วงกลางวัน พอตอนเย็นต้องไปทานที่

ห้องอาหารริมน้ำ





บรรยากาศดีไม่แพ้ อิน-จัน ต่างกันตรงที่ ห้องอาหารริมน้ำจะมี บริเวณนอกตัวอาคาร
เหมาะกับการกินลมชมอาทิตย์ลับขอบฟ้ามากมาย

มาถึงร้านกาแฟหนึ่งเดียวที่ได้ไปลอง

ร้านคาเฟ่ริมคลอง

นอกจากเครื่องดื่มก็มีขนมนมเนยตามประสาร้านกาแฟทั่วไป
สอดแทรกด้วยขนมไทยตาม concept ของที่นี่
บริการดี ร้านกว้างขวางนั่งสบาย















ที่เล่ามาเป็นสิ่งเล็กน้อยของพื้นที่แห่งนี้
ถูกบ้างผิดบ้าง เล่าไปตามความรู้สึก
ถ้าอยากรู้รายละเอียดที่ถูกต้องครบถ้วน ก็ลองเข้าไปดูในเว็บไซต์ของเขา http://www.sampranriverside.net/

คงต้องหยุด ทริปสั้นๆวัดเดียวจบ ไว้ตรงนี้
เพราะหมดเรื่องที่จะโม้แล้ว ฮ่าๆๆ

เจอกันทริปหน้าครับ
สวัสดี

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม