Trat : Black Sand Beach, Laem Ngop

หาดทรายดำ ดำแค่ไหน


ความเดิมตอนที่แล้ว เราไปแวะที่ทุ่งโปรงทองมา จากที่นั่น เราใช้เส้นเลียบชายหาด ทางสวย แว๊นสนุก แค่ชั่วโมงนิดๆก็มาถึงแหลมงอบ

ไม่มีทริปไหน ที่รถพี่หมีไม่ก่อเรื่อง คราวที่แล้ว ยางฉีกจนทำทริปล่ม ต้องแยกย้ายบ้านใครบ้านมัน ตั้งแต่ยังไม่ทันออกหน้าปากซอย ส่วนคราวนี้ไฟเลี้ยวหัก ดีนะยังพอเอาเชือกมัดไว้ได้ ทนขี่จนมาถึงแหลมงอบ

ขณะที่เราจอดหาซื้อกาวร้อนเพื่อที่จะแปะมันกลับเข้าไปที่เดิม อยู่ๆก็มีรถเก๋งจอดเทียบ คนขับกวักมือแล้วพูดอะไรสักอย่าง...

เข้าไปไกล้ๆถึงได้ยิน
" ไปหาดทรายดำใช่ไหม มาๆ ตามมาเดี๋ยวพาไป"

เชี่ยวและ.. รู้ได้ไงวะ
แต่เราก็ขี่ตามเขาไปนะ ห่างๆอย่างห่วงๆ
เขาก็ไปตามทางที่ควรจะไปนั่นแหละ แต่เครื่องหมายคำถามมันยังอยู่ในหัวตลอดเวลา...

ไปถึงก็ร้อง อ๋อ...
พอเห็นมอร์ไซค์ยี่ห้อที่พี่หมีใช้จอดเรียงกันเป็นตับ
พี่เขาเป็นทีมงานจัดทริป คงเข้าใจไปว่าเราหลงกลุ่ม เลยเรียกให้ตามมา




วันนี้เรามาทันก่อนค่ำพอสมควร จึงมีเวลาเดินชิลกันไปบนสะพานไม้ที่ทอดยาวไปตามหาด ชมแสงสวยๆยามเย็น




เมื่อชื่นชม หาดทรายดำจนสมใจอยากแล้ว เราเดินกลับมาที่ศูนย์ตอนไกล้ค่ำ
ได้มีโอกาสเจอพี่ธนิต ผอ. ที่ศูนย์นี้ พี่แกพาไปแอบดูปลาตีนทำรัง(รัก) ปูกินข้าว นู่นนี่ อยู่พักใหญ่
แกเล่าให้ฟังถึงวิถีต่างๆของชีวิตเล็กๆพวกนี้ เพลินครับ






ปลาตีนทำรัง
มันจะขุดบ่อเพื่อเตรียมผสมพันธุ์ โดยการอมทรายในบ่อแล้วบ้วนออกมา
พี่แกบอกว่า ไม่ใช่ทุกคนจะได้เห็น วันนี้ถือว่าเราโชคดี



ปลาตีนกางใบ(ครีบ)

เวลาเดิน หรือกินน้ำ ครีบของมันจะกระดกขึ้นมาครับ รวมทั้งเวลามันจะตีกัน



พีธนิตบอกชื่อปูต่างๆที่เห็น (แต่อย่าคิดว่าผมจะจำได้นะ 55 )









ก่อนขอตัวกลับที่พักซึ่งอยู่ในตัวเมือง พี่ธนิตชวนพวกเราให้ลองกิน " ใบโกงกางทอด!! "
ก็เพิ่งรู้นี่แหละว่ามันกินได้

(คือเขาจะทอดให้กลุ่มที่มาออกทริปนั่นแหละ เราก็มอดสิ เนียนๆไป)









มันไม่ได้กินได้ทุกใบนะ ต้องมีวิธีเลือก แกก็สอนไป เราก็กินกันไป บอกเลยตั้งใจฟังมาก...



งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกรา ค่ำพอควรแล้ว เราต้องเข้าไปนอนในเมืองกัน

หือ!! จะกลับแล้ว ไหนละหาดทรายดำ !!!


ใจเย็นๆครับ ขอไปนอนก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้มาใหม่ แล้วจะพาไปดู
ส่วนที่นอนเป็นที่ไหนเดี๋ยวค่อยกลับมาเล่าในตอนต่อไป



ข้ามวันที่สองที่หาดทรายดำ


ตอนสายวันอาทิตย์ พอออกจากโรงแรมก็มุ่งหน้ามาที่หาดทรายดำอีกรอบ
คือเรื่องของเรื่อง สาวๆเขาจะมาทำสปากะลาหน้าเด้งกัน...
ขัดได้ที่ไหนละ ไปก็ไปสิ

ทุกคนสรุปกันว่า จะยังไม่กินอะไร จะไปกระหน่ำข้าวเที่ยงกันที่นั่นเลยทีเดียว
เมื่อไปถึงโชคดีสิครับ พี่ธนิตบอกว่า กรุ๊ปทัวร์ยกเลิก ก็เลยไม่ได้ทำกับข้าวเตรียมไว้

เอาละสิ ทุกคนหน้าซีดเผือด ก็ที่รู้กันว่าแก๊งนี้ เรื่องกินเรื่องใหญ่

ป้าหนู เห็นเห็นเราเก้กังๆ เลยถาม มีทะเลลวก พริกเกลือ เหลืออยู่กินได้ไหม
อะไรก็เอาครับป้า ชั่วโมงนี้จะกินช้างได้ทั้งตัวแล้ว

เมื่อรู้ว่ามีของกินแน่แล้ว สาวๆก็เริ่มละเลงหน้ากันอย่างสนุกสนาน โดยป้าหนูเป็นคนลงมือทำด้วยตัวเอง

สปากะลาหน้าเด้ง

ภูมิปัญญาของคนที่นี่ ที่ไปที่มาถามอากู(เกิ้น)เอานะครับ
เรื่องดีไม่ดี เห็นทำเสร็จ สาวๆแอบซื้อกลับบ้านกันคนละกระปุก..





"ป้าหนู ไดนาไมค์"


ชื่อนี้ต้องมีที่มา..
เรื่องมันมีอยู่ว่า ครั้งที่รายการทีวีรายการหนึ่ง กำลังทำเรื่องการพอกหน้า เขาถามถึงทำไมทรายมันดำ
แกตอบไปอย่างมั่นใจ " เพราะมันมี ไดนาไมค์!!! "



ไม่ใช่มั้งป้าครับ... นั่นถ้าจริง คงจะตูมตามกันอร่อยเลยทีเดียว
คือแกคงหมายถึง "ไลโมไนต์" ชื่อจริงของเจ้าทรายดำนะครับ..

" ป้าพูดผิดไปนิดเดียวเอง... ฉายานี้จึงติดตัวมาจนถึงวันนี้ "

ระหว่างพวกสาวๆจัดหน้าเด้งกัน
ข้าวก็มา แต่เอ๊ะ!!
ข้าวที่นี่ทำไมสีเหลือง?



พี่คนที่ไปทำข้าวให้เรากินเขาเล่าว่า "ข้าวที่นี่ใส่วิตามิน กินเปล่าๆ ยังอร่อย"
บร๊ะ!! รออะไร จัดสิครับ ตาลายแล้ว


พริกเกลือ รสชาติจัดจ้าน. . . อ้อ ลืมบอก คนที่นี่เขาเรียกน้ำจิ้ม Seafood ว่า "พริกเกลือ"
ลูกชิ้นปลา กรุบกรับหนุบหนับ อร่อยมาก
ปู-กุ้ง สดๆ แกะเสร็จสรรพ รอให้จับยัดเข้าปากเท่านั้น


กินไปพอกไป จะฟินไปไหน สมุนแอ๊ดมิน...



ฟินมาก...
คือจานเดียวไม่จบครับ

ส่วนเรื่องราคา ผมว่าคุณเดากันไม่ถูก
บอกเลย จานนึงราคาสูงกว่าผัดกระเพราราดข้าวแถวบ้านหน่อยเดียว

หลังจบจากข้าว ที่ยัดกันไปชนิดที่กระเพาะแทบร้องให้
ป้าหนูนำเสนอเมนูล้างปากเป็น "เมี่ยงคำ"



โอ้ว....
ป้าไม่บอกก่อนผมจะซัดข้าวจานที่สองเข้าไปละคร๊าบ....

แต่จะปล่อยให้ของอร่อยลอยนวลก็ใช่ที่ จัดไป
อร่อยมากๆ กินกัน4คนผักหมดไป2ถาด

ถ้ากระเพาะมันลาออกได้ ผมว่าวันนี้มันไปแล้วล่ะ ใช้งานหนักเกิน



เมื่อสาวๆ หน้าเด้งกันเรียบร้อยแล้ว เรากำลังจะไปเดินเตะทรายเล่น
พี่ธนิตแกผ่านมาพอดี พร้อมพลั่ว1อัน "ไปหมกทรายกันสิ"
แหม.. บริการดีจริงๆ
บันเทิงครับงานนี้

ภาพต่อไปนี้โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม มันเป็นแค่การแสดงเท่านั้น ไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
โดยเฉพาะผู้ที่มีภรรยาค่อนข้างเข้มงวด...
หากโดนจับได้ อาจอันตรายถึงชีวิต

ทางศึกษาธรรมชาติ ระหว่างเดินทางไปหาดทรายดำ



ได้เวลาเฉลยแล้วสินะ ว่ามันดำแค่ไหน
หาดทรายดำ 















สี . . . ประมาณสีเปลือกมังคุดเข้มๆ
จนในบางมุมเมื่อกระทบกับแสงมันดูเหมือนสีดำสนิท



ความละเอียด ... ละเอียดมากๆ
ถ้าเป็นทรายที่แห้งมันจะไม่ติดตามเนื้อตามตัวเลย



กว้างแค่ไหน...
จะเห็นชัดเวลาน้ำลง (ถ้าเป็นไปได้เช็คหน่อยก่อนไป ถ้าไปช่วงน้ำขึ้นอาจเห็นไม่เต็มตานัก)
เป็นหาดเล็กๆที่เป็นสีดำเห็นได้อย่างชัดเจน ไม่เล็กมาก แต่ก็ไม่ได้กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา



ถ้าพูดถึงความลึกของชั้นทรายดำ เท่าที่ลองขุดเล่นดู อย่างน้อยก็ฟุตกว่าๆครับ ถึงจะเจอพื้นทรายขาว


พี่หมี : พี่ๆ มันดีจริง
พี่ฯมิน : ยังไง
พี่หมี : มันเหมือนมีอะไรมาตอด ตุบๆ ตุบๆ ตามขาเราเลยพี่
พี่ฯมิน : เมิงฝังลึกไป จนเลือดไม่เดินอะดิ
พี่หมี : อ้าวเหรอ นึกว่าทรายมันช่วยนวด
พี่ฯมิน : ................


การหมกทราย มันจะดีไม่ดี สะอาดไม่สะอาด ศึกษากันเอาเองครับ ทำกันตามสะดวกใจ
พวกเราทำไรไม่ค่อยคิดกันหรอกครับ ชีวิตเกิดมาใช้ให้คุ้ม ก็แค่นั้น

หลังเล่นทรายอยู่พักใหญ่
เราได้ยึดศาลาที่อยู่สุดทาง กรนกันไปจนแดดร่มลมตก ต้องกลับแล้ว...



ถ้าสังเกตดีๆ จากศาลาที่เดินไปสุดทาง มองไปที่สันดอน มันก็เป็นทรายดำนะ



วันหยุดช่างแสนสั้น
รอติดตามทริปหน้า . . . .

เอ้ยๆ  ผมค้างเรื่องราวในตราดไว้นี่นา เดี๋ยวกลับมาเล่าครับ
พักสักครู่

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม